แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ศ. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา สนับสนุนโดย บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ศ. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา สนับสนุนโดย บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีรุ่นใหม่ชนิดเพาะเลี้ยงในเซลล์ดีอย่างไร?

วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อตายมีประสิทธิภาพดีแต่ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาข้างเคียงทางสมองได้หากฉีดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะเป็นวัคซีนที่ผลิตได้จากการเพาะเลี้ยงไวรัสในสมองลูกหนู

ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดใหม่ โดยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นแต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง และมีการเพาะเลี้ยงไวรัสในเซลล์แทนการเพาะเลี้ยงในสมองหนู วัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์นี้มีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูง โดยการให้วัคซีนเพียง 1 - 2 เข็มเท่านนั้น

ในระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ได้มีการใช้วัคซีนชนิดเชื้ออ่อนฤทธิ์ไปแล้วมากกว่า 300 ล้านโด๊สในหลายประเทศที่มีการระบาดของโรคอย่างมากเช่น จีน เกาหลี เนปาล อินเดีย พบว่ามีประสิทธิภาพดีถึง 95 - 100% และมีความปลอดภัยสูง

วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์

  • มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี
  • มีความปลอดภัยสูง
  • สะดวกในการรับวัคซีน โดยมีตารางการฉีดเพียง 1 - 2 เข็ม

บุคคลที่ควรได้รับวัคซีนและอายุที่ควรรับวัคซีนโรคไข้สมองอักเสบเจอี

  • เด็กทุกคนในประเทศไทยควรได้รับวัคซีนนี้โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1 เข็ม ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป และฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็มหลังจากฉีดเข็มแรกไปแล้ว 3 เดือน ถึง 1 ปี

  • นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้สมองอักเสบเจอี และอาศัยนานกว่า 2 สัปดาห์ โดยให้ฉีดก่อนเดินทาง 1 เข็ม และอาจจะฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็มห่างจากเข็มแรก 1 ปี

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

เราจะป้องกันการเกิดโรคไข้สมองอักเสบเจอีได้อย่างไร?

วิธีป้องกันโรคนี้ให้ได้ผลคือการให้วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีในคน ในประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลี มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีอย่างกว้างขวางนานหลายสิบปี ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคไข้สมองอักเสบเจอีลดลงอย่างมาก

สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยเป็นวัคซีนที่ผลิตได้จาการเพาะเลี้ยงไวรัสในสมองหนู แล้วนำสมองหนูมาบดแล้วฆ่าเชื้อด้วยฟอร์มาลิน แยกเชื้อที่ได้มาทำเป็นวัคซีนใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังรวม 3 - 4 ครั้ง

ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีรุ่นใหม่ โดยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์เพาะเลี้ยงไวรัสในเซลล์แทนการเพาะเลี้ยงในสมองหนู วัคซีนรุ่นใหม่นี้เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูงและมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันโรค

การับวัคซีนเพียง 1 - 2 เข็ม ก็สามารถกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ถึงร้อยละ 95 - 100 ของผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งหมด

ในขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีให้เลือกใช้ 2 ชนิด
1. วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อตาย (ผลิตได้จากการเพาะเลี้ยงไวรัสในสมองหนู)
2. วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (ผลิตได้จากการเพาะเลี้ยงไวรัสในเซลล์)

โรคไข้สมองอักเสบเจอีสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาหรือวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้ในร่างกายคน การรักษาจึงมุ่งไปที่การดูแลรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนในระยะที่มีอาการทางสมอง

โรคไข้สมองอักเสบเจอีมีอาการอย่างไร?

ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ บางรายอาจมีเพียงไข้สูง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ส่วนผู้ที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการคอแข็ง กระตุก สั่น ชัก พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ซึม และเป็นอัมพาต

แหล่งที่มาการระบาดของโรคไข้สมองอักเสบเจอี

โรคนี้มีรายงานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2468 จากประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันพบโรคนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ในประเทศไทยพบโรคนี้ได้ทั่วประเทศโดยเฉพาะในบริเวณที่มีการทำนาร่วมกับการเลี้ยงหมู

โรคไข้สมองอักเสบเจอีเป็นอย่างไร?

โรคไข้สมองอักเสบเจอี เป็นโรคที่มีความสำคัญและรุนแรงที่สุดโรคหนึ่งในบรรดาโรคไข้สมองอักเสบที่เกิดขึ้นในแถบทวีปเอเชียมียุงรำคาญเป็นพาหะนำโรคจากสัตว์ (เช่น หมูและนกป่า) ที่มีเชื้อไวรัสโรคไข้สมองอักเสบเจอีมาสู่คน โรคนี้นับว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศโรคหนึ่ง เพราะนอกจากว่า มีอัตราการตายสูงถึง 10 - 35% และประมาณ 2 ใน 3 ของผู้รอดชีวิตจะมีความพิการทางสมองตามมา