แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แหล่งที่มา ห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอกจักษุวิทยา โรงพยาบาลตากสิน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แหล่งที่มา ห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอกจักษุวิทยา โรงพยาบาลตากสิน แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

เบาหวานขึ้นจอประสาทตา

เบาหวานขึ้นจอประสาทตาเป็นสาเหตุของตาบอดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือแม้แต่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีแต่เป็นโรคเบาหวานอยู่นานก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นเลือดในจอประสาทตาได้ การมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตาในระยะแรก ๆ จะไม่มีผลต่อการมองเห็น แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้สายตามีการเปลี่ยนแปลงมีสายตาสั้นได้ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกว่าแว่นที่ใช้อยู่มองเห็นไม่ชัด บางคนอาจไปวัดสายตาเปลี่ยนแว่นซึ่งมักบ่นว่าเปลี่ยนแว่นมาหลายอันแต่มองเห็นไม่ชัดสักอัน หากผู้ป่วยรอจนมีการมองเห็นที่ผิดปกติแล้วจึงมาพบจักษุแพทย์อาจมีความผิดปกติของผนังเส้นเลือดมากแล้ว ซึ่งอาจทำให้การรักษาซับซ้อนมากขึ้น และผลการรักษาอาจไม่ดีเท่าที่ควร หรือในบางกรณีถ้าเป็นมาก ๆ อาจเลยระยะที่สามารถรักษาได้ ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งในปัจจุบันจะรวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งในปัจจุบันจะรวมถึงการตรวจสุขภาพตาร่วมด้วย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้มีคุณภาพชีวิตและคุณภาพการมองเห็นที่ดีอยู่เสมอไปพร้อม ๆ กัน

การตรวจเช็คสุขภาพตาประจำปี

จักษุแพทย์ตรวจอะไรบ้าง

1. ตรวจโครงสร้างของลูกตาทางด้านหน้า ได้แก่ เยื่อบุตา
2. ตรวจการมองเห็นที่ไกล
3. ตรวจวัดความดันภายในลูกตา
4. ตรวจขั้วประสาทตา
5. ตรวจตาบอดสี

กรณีผู้ป่วยเบาหวานต้องการตรวจเช็คสุขภาพตา

การตรวจจะมีการหยอดขยายม่านตา สำหรับตรวจจอประสาทตาซึ่งจักษุแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่ามีการเปลี่ยนแปลงของผนังเลือดมากน้อยเพียงใด คือมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตาหรือไม่ หากมีเบาหวานขึ้นจอประสาทตามีที่ระยะใดของโรค ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ระยะคือ

1. Non - proliferative Diabetic Retinopathy (NPD)

เบาหวานขึ้นจอประสาทตาในระยะเวลาเริ่มมีการโป่งพองของผนังเลือดมีโปรตีนรั่วจะผนังเส้นเลือด ซึ่งอาจต้องการหรืออาจไม่ต้องการการรักษาด้วยเลเซอร์ก็ได้ต้องพิจารณาตามความรุนแรงของโรค หากมีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดในจอประสาทตามากขึ้น Severe NPDR (พิจารณาจากการตรวจพบของจักษุแพทย์) จักษุแพทย์จะพิจารณายิงเลเซอร์จอประสาทตา

2. Proliferative Diabetic Retinopathy (PDR)

เป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นเลือด มีการโป่งพองของผนังเส้นเลือด มีการโป่งพอของผนังเส้นเลือดและมีโปรตีนจากผนังเส้นเลือด เส้นเลือดมีการโป่งพองมากขึ้น เลือดออกนอกจอประสาทตาและในน้ำวุ้นตา ซึ่งในผู้ป่วยรายหากทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาอาจมีพังผืดยึดจอประสาทตา และมีจอประสาทตาหลุดลอกก็ได้ ในระยะนี้ต้องได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์หรือต้องผ่าตัดรักษา

อย่างไรก็ตามผู้ป่วยเบาหวานทุกรายต้องได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์แล้ว หากคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ก็อาจทำให้การเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นเลือดอีก และอาจต้องรับการรักษาด้วยเลเซอร์ ผู้ป่วยที่ยังไม่มีเบาหวานขึ้นจอประสาทตาอย่างน้อยปีละครั้งหรือตรวจบ่อยขึ้น ตามการนัดจากอายุรแพทย์และจักษุแพทย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยที่มีเบาหวานขึ้นจอประสาทตาหรือได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์หรือการผ่าตัดแล้วต้องได้รับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอตามการนัดของจักษุแพทย์

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

โรคตาแดง

โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส เกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก และเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายรุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มเป็น ก็อาจติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนทำให้ตาพิการได้
โรคตาแดงเป็นโรคระบาดในกลุ่มคนที่อยู่รวมกันอย่างแออัด โดยอาจแพร่ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วย
· ใช้มือสกปรกที่มีเชื้อโรคขยี้ตา
· ใช้สิ่งของเครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา ขันน้ำ และของใช้อื่น ๆ ร่วมกับผู้ที่เป็นโรค
· แมลงวันหรือแมลงหวี่ตอมตา
อาการ
หลังจากได้รับเชื้อโรคเข้าตาประมาณ 24 – 28 ชั่วโมง จะมีอาการระคายเคืองตา ปวดตา มีน้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม เยื่อบุตาขาวจะอักเสบ แดง ซึ่งอาจเริ่มที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน หรือเป็นทั้ง 2 ข้างพร้อมกันก็ได้ อาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือครั่นเนื้อครั่นตัว หรืออาการปวดเสียวที่แขนขาด้วย ผู้ป่วยมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ถ้าไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
เมื่อเป็นโรคตาแดงควรปฏิบัติ ดังนี้
· เมื่อมีอาการตามที่กล่าวมา ควรรีบไปพบแพทย์ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดหรือป้ายตา เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย ป้ายตาติดต่อกันประมาณ 7 วัน สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีไข้ ปวดศีรษะ ก็ใช้ยาลดไข้แก้ปวดตามอาการถ้ามีอาการรุนแรงขึ้นต้องรีบไปพบแพทย์อีกครั้ง
· ควรพักสายตา ไม่ใช้สายตามากนัก
· ควรหยุดเรียนหรือหยุดงานประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าอาการตาแดงจะหายเป็นปกติ และไม่ควรไปในที่ชุมชน เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เพราะอาจนำโรคไปแพร่ติดต่อให้ผู้อื่นได้
· แยกของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย อย่าให้ผู้อื่นใช้ร่วมด้วย
· ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากถูกต้องตาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
วิธีป้องกันไม่ให้ติดโรคตาแดง
โรคนี้ป้องกันได้โดยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่
· หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่ใช้มือที่ไม่ได้ล้างให้สะอาดขยี้ตา
· เมื่อฝุ่นละอองเข้าตา ไม่ขยี้ตาให้ล้างด้วยน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว
. ไม่ใช้สิ่งของ เช่น แว่นตา ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ หรือถ้วยล้างตา ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อมีโรคตาแดงระบาดต้องระวังให้มากยิ่งขึ้น
. ซักเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ ผึ่งแดดให้สะอาดอยู่เสมอ
. ในสถานที่ที่คนอยู่รวมกันอย่างแออัดควรจัดหาน้ำสะอาดให้เพียงพอสำหรับการล้างมือล้างหน้า และใช้อาบ